เนื่องด้วย บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน)(“บริษัท”) ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้มอบหรือจะได้มอบไว้ให้แก่บริษัท ดังนั้น บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านได้ทราบและเข้าใจถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (เรียกรวมว่า “การประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงสิทธิตามกฎหมายในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ครอบคลุมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าปัจจุบัน ผู้ที่อาจเป็นคู่ค้าในอนาคต พันธมิตรทางธุรกิจ และซับพลายเออร์ ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา และบุคคลธรรมดาที่ดำเนินการในนามนิติบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ผู้บริหาร กรรมการ ที่ปรึกษา ผู้บริหาร พนักงาน ตัวแทน และบุคคลใดๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับบุคลากรของบริษัท ดังนั้น บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่านได้โปรดอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เพื่อรับทราบและทำความเข้าใจถึงวิธีการ แนวทาง วัตถุประสงค์ที่บริษัทได้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตลอดจนทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อของบริษัท
“คู่ค้า” หมายถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท และได้รับการอนุมัติให้มีการทำนิติกรรมสัญญากับบริษัท เช่น คู่สัญญา ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา ผู้ให้เช่า เป็นต้น ทั้งที่เป็นคู่ค้าปัจจุบัน ผู้ที่อาจเป็นคู่ค้าในอนาคต พันธมิตรทางธุรกิจ และให้หมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลซึ่งเป็นคู่ค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน ผู้แทน หรือบุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมระหว่างบริษัทกับนิติบุคคลนั้น เช่น ผู้ประสานงาน ผู้ส่งสินค้า ผู้ตรวจรับสินค้า ผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น รวมทั้งบุคคลที่นิติบุคคลนั้นได้ให้ข้อมูลไว้แก่บริษัทด้วย
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคล ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่
– ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป (Personal Data) เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ สัญชาติ วันเดือนปีเกิด ชื่อเล่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประกันสังคม หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี หมายเลขใบอนุญาตขับขี่ หมายเลขบัญชีธนาคาร ที่อยู่อีเมล (email address) ทะเบียนรถยนต์ เป็นต้น
– ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Personal Data) ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด ซึ่งบริษัทต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ต่อเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามที่กฎหมายอนุญาต
อย่างไรก็ดี ข้อมูลต่อไปนี้ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลสำหรับการติดต่อทางธุรกิจที่ไม่ได้ระบุถึงตัวบุคคล อาทิ ชื่อบริษัท ที่อยู่ของบริษัท เลขทะเบียนนิติบุคคลของบริษัท หมายเลขโทรศัพท์ของที่ทำงาน ที่อยู่อีเมล (email address) ที่ใช้ในการทำงาน ที่อยู่อีเมล (email address) กลุ่มของบริษัท เช่น info@company.co.th ข้อมูลนิรนาม (Anonymous Data) หรือข้อมูลแฝงที่ถูกทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้อีกโดยวิธีการทางเทคนิค (Pseudonymous Data) ข้อมูลผู้ถึงแก่กรรม เป็นต้น
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ในที่นี้หมายถึง “ท่าน” ในฐานะคู่ค้า
บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะได้แจ้งให้ท่านทราบในข้อ 5. และเพื่อให้ท่านรับทราบและเข้าใจถึงรายละเอียดของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม บริษัทจึงขอแจ้งให้ท่านทราบตามรายละเอียด ดังนี้
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล |
รายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคล |
---|---|
ข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐาน | คำนำหน้านาม, ชื่อ นามสกุล, อายุ, เพศ, รูปถ่าย, วันเดือนปีเกิด, สัญชาติ, หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน, หมายเลขหนังสือเดินทาง, ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน, ลายมือชื่อ |
ข้อมูลอื่นๆ |
(1) ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ติดต่อ, เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ, ที่อยู่อีเมล (email address) (2) ข้อมูลทางการเงินหรือข้อมูลการทำธุรกรรม (Financial Data) เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร, งบการเงิน (3) ข้อมูลการติดต่อกับบริษัท (Communication Data) เช่น ข้อมูลการบันทึกภาพหรือเสียงเมื่อมีการติดต่อกับบริษัท (4) ข้อมูลจากการจัดซื้อจัดจ้างก่อนเข้าทำสัญญา (5) ข้อมูลการศึกษาและการอบรม เช่น ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา ความเชี่ยวชาญ และผลงานต่างๆ (6) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่น การบันทึกภาพนิ่ง หรือวิดีโอ (7) ข้อมูลที่บันทึกภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) (8) ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียน |
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน | ข้อมูลสุขภาพ เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง สัดส่วนร่างกาย เป็นต้น |
หากท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บริษัท บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่าบริษัทไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิต(ถ้ามี) ที่ปรากฎอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน ดังนั้น บริษัทจึงขอให้ท่านปกปิดข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิต(ถ้ามี) ดังกล่าว และหากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลตามที่บริษัทได้แจ้งขอให้ดำเนินการ ให้ถือว่าท่านยินยอมและอนุญาตให้บริษัทดำเนินการปกปิดข้อมูลนั้นแทนท่าน และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าวมีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ
อนึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านมอบให้แก่บริษัทจะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นความจริง และไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และท่านจะต้องอัปเดตข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้เป็นปัจจุบัน โดยแจ้งให้บริษัททราบเกี่ยวกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่างๆ ผ่านช่องทางการติดต่อที่บริษัทระบุไว้ในข้อ 13. ของประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้
บริษัทดำเนินการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และข้อมูลที่มีความอ่อนไหว ผ่านกระบวนการ ดังนี้
4.1 ข้อมูลที่ท่านให้กับบริษัทโดยตรง
เช่น ข้อมูลที่ปรากฏในขั้นตอนการขึ้นทะเบียนคู่ค้ารายใหม่ ขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างที่ดำเนินการก่อนการเข้าทำสัญญา การกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม การทำแบบสอบถามหรือขั้นตอนการยื่นข้อเรียกร้องหรือคำร้องขอใช้สิทธิต่างๆ การสมัครลงทะเบียนสร้างบัญชีการใช้งานหรือโปรไฟล์กับบริษัทเพื่อใช้ติดต่อกับบริษัททั้งทางช่องทางออฟไลน์และช่องทางออนไลน์ เป็นต้น
4.2 ข้อมูลที่บริษัทจัดเก็บอัตโนมัติ
เมื่อท่านเข้าใช้บริการผ่านระบบของบริษัท หรือเข้าชมเว็บไซต์ของบริษัทผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป เป็นต้น ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า “คุกกี้” หรือ เทคโนโลยีอื่นที่มีลักษณะการทำงานเหมือนหรือคล้ายกัน
4.3 ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก หรือข้อมูลสาธารณะที่เชื่อถือได้
เช่น กรมการปกครอง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แหล่งข้อมูลเชิงพาณิชย์ เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน แหล่งข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการข้อมูล (Data Providers) หน่วยงานหรือบริษัทหรือสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการทำนิติกรรมสัญญา และ/หรือ การประกอบกิจการของคู่ค้า เป็นต้น
4.4 ข้อมูลที่ท่านติดต่อกับบริษัท
ข้อมูลที่ท่านติดต่อกับบริษัท พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน คู่ค้าหรือพันธมิตรของบริษัท ผู้รับมอบอำนาจหรือผู้กระทำการแทน หรือบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมายจากบริษัทผ่านทางช่องทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน สื่อสังคมออนไลน์ โทรศัพท์ อีเมล การประชุม การสัมภาษณ์ หรือโดยวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ บริษัทอาจเก็บข้อมูลในรูปข้อความ ตลอดจนภาพและเสียง
บริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยมีวัตถุประสงค์ภายใต้ฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูล และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวมตามที่ระบุไว้ในข้อ 3. ตามรายละเอียดต่อไปนี้
วัตถุประสงค์ในการดำเนินการ |
ฐานทางกฎหมาย |
---|---|
1. เพื่อการดำเนินการตามกระบวนการของบริษัทก่อนเข้าทำสัญญา ได้แก่ (1) พิจารณาคุณสมบัติของท่านก่อนขึ้นทะเบียนการเป็นคู่ค้ากับบริษัท (2) การขึ้นทะเบียนคู่ค้ารายใหม่ (3) การจัดเตรียมข้อมูลก่อนเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามรูปแบบของบริษัท ได้แก่ การจัดซื้อจัดจ้างแบบตกลงราคา (Preferred vendor), การจัดซื้อจัดจ้างแบบเปรียบเทียบราคา (Compare price) และการจัดซื้อจัดจ้างแบบประกวดราคา (Bidding) (4) การเชิญเสนอราคา การเสนอราคา การยื่นซองการประกวดราคา ตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัท (5) การจัดทำสัญญารักษาความลับทางการค้า (Non-Disclosure Agreement) กับท่านก่อนนำส่งข้อมูลของบริษัทให้ท่านเพื่อนำไปพิจารณาและประกอบการจัดทำรายละเอียด เงื่อนไข ข้อกำหนด ราคา ให้สอดคล้องกับการจัดซื้อจัดจ้างที่บริษัทได้กำหนดไว้ |
- การปฎิบัติตามสัญญา (Contractual Basis) - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) |
2. เพื่อการทำสัญญาและลงนามในสัญญาทางการค้าระหว่างคู่ค้ากับบริษัทภายหลังจากท่านได้รับคัดเลือก |
- การปฎิบัติตามสัญญา (Contractual Basis) |
3. เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาทางการค้า เช่น สัญญาว่าจ้าง สัญญาบริการ สัญญาเช่า สัญญาซื้อขาย สัญญาทางการค้าอื่นๆ และข้อตกลงที่เกี่ยวข้องระหว่างท่านกับบริษัท และเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติงาน การตรวจรับงานตามสัญญา |
- การปฎิบัติตามสัญญา (Contractual Basis) - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) |
4. เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามข้อผูกพันทางกฎหมายและข้อเรียกร้องการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงการรายงานข้อมูลต่อหน่วยงานราชการตามที่กฎหมายกำหนด |
- การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) |
5. เพื่อจัดทำระบบสารสนเทศในการจัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูล และเป็นฐานข้อมูลของบริษัทสำหรับพิจารณาเลือกคู่ค้า และ/หรือเลือกจ้างสำหรับโครงการอื่นๆ ในอนาคต | - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) |
6. เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของบริษัท ได้แก่ การแลกบัตรที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านก่อนเข้าพื้นที่สำนักงาน/สาขา/พื้นที่ทำงาน พื้นที่เช่าหรือพื้นที่ให้บริการ รวมถึงการบันทึกภาพภายในพื้นที่ของบริษัทด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) หรือวิธีการอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน | - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) |
7. เพื่อดำเนินการวางแผน การจัดทำรายงาน และการคาดการณ์ทางธุรกิจของบริษัท | - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) |
8. เพื่อการบริหารจัดการด้านสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยจากการทำงานในระหว่างที่ท่านทำงานกับบริษัท |
- การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) |
เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับหน่วยงานต่างๆ ภายในบริษัทและบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก ดังนี้
6.1 ภายในบริษัท
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับหน่วยงานต่างๆ ภายในบริษัทเฉพาะที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทหน้าที่เท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์เท่านั้น โดยบุคคลหรือทีมงานเหล่านี้ของบริษัท จะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามความจำเป็นและเหมาะสม
6.2 ภายนอกบริษัท
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับองค์กรภายนอก ดังนี้
6.2.1 หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด เช่น กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการส่งออก กรมศุลกากร กรมทรัพย์สินทางปัญญา รัฐบาล ศาล กรมบังคับคดี หรือหน่วยงานอื่นใดที่อาศัยอำนาจตามกฎหมาย
6.2.2 องค์กรหรือบุคคลภายนอก บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลของท่าน ให้กับองค์กรหรือบุคคลภายนอกที่มีการติดต่อสอบถามเพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบการทำธุรกรรมต่างๆ ของท่าน และเพื่อที่จะได้ให้บริการหรือจัดหาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของท่าน
7.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยฐานความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของท่านที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
7.2 หากท่านเป็นผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก่อนการให้ความยินยอมโปรดแจ้งรายละเอียดผู้ใช้อำนาจปกครองให้บริษัททราบ เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองด้วย
ท่านอาจเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งหมดหรือบางส่วนของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ ตามที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยแจ้งให้บริษัททราบ
หากท่านเพิกถอนความยินยอมการที่ท่านยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจส่งผลให้ท่านเสียประโยชน์ในการใช้บริการของบริษัทในระดับเดียวกับกรณีที่ท่านให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อบริษัท
8.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศในกรณีที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือเป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
8.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือคลาวด์ (Cloud) ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และบริษัทจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม
8.3 กรณีที่มีเหตุจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองและท่านสามารถใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงบริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ
9.1 บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความจำเป็นและวัตถุประสงค์ที่บริษัทจะต้องเก็บรวบรวม ใช้และประมวลผล ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายที่ใช้บังคับ
หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัทยังมีความสัมพันธ์กับท่านในฐานะที่ท่านเป็นผู้ขึ้นทะเบียนเข้าเป็นคู่ค้า คู่ค้า กรรมการ ผู้แทน ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้ปฏิบัติงานในนามของบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลผู้ขึ้นทะเบียนเข้าเป็นคู่ค้าหรือผู้เป็นคู่ค้าของบริษัท และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของบริษัท
9.2 บริษัทจะยังดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป แม้ว่าท่านจะยุติความสัมพันธ์กับบริษัท เท่าที่จำเป็นตามข้อกำหนดของกฎหมายเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือทำการเก็บในรูปแบบที่ทำให้ระบุตัวบุคคลไม่ได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น การทำข้อมูลนิรนาม หรือ การทำข้อมูลแฝงที่ถูกทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้อีกโดยวิธีการทางเทคนิค
9.3 บริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานเท่าที่จำเป็นต้องเก็บเพื่อการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ท่านยุติความสัมพันธ์ หรือการติดต่อครั้งสุดท้ายกับบริษัท โดยบริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนานกว่าที่กำหนดหากกฎหมายอนุญาต
9.4 เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาและอายุความที่เกี่ยวข้อง บริษัทจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในรูปแบบที่เหมาะสมตามประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปแม้จะพ้นอายุความตามกฎหมายแล้ว ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
9.5 บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้ไม่สามารถระบุชื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้เป็นการถาวร หรือโดยประการอื่นเพื่อจำกัดข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือเมื่อบริษัทต้องปฏิบัติตามคำขอของท่านให้บริษัททำการลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทจัดให้มีมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ และบริษัทจะทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็น หรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
ในกรณีที่บริษัทได้มีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้ ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
11.1 สิทธิในการขอเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdrew Consent)
ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่
ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณางาน สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ท่านพึงได้รับจากบริษัท หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่านจึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม
11.2 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)
ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธคำขอของท่านหากการเข้าถึง และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะส่งผลกระทบต่อสิทธิ และเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือบริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาลที่ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
11.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)
ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
11.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)
ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี
11.5 สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)
ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว
11.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)
ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
11.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Right to Rectification)
ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
11.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)
ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
หากท่านมีความกังวลหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของบริษัท เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัท โดยใช้รายละเอียดการติดต่อตามข้อ 13. ของประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบริษัท ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบและวิธีการตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ทั้งนี้ กรณีที่ท่านมีความประสงค์จะใช้สิทธิตามที่กล่าวข้างต้น ท่านจะต้องติดต่อมายังบริษัทตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในข้อ 13. ของประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยทำคำขอเป็นลายลักษณ์อักษร และบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำขอของท่านโดยไม่ชักช้า หรือภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ คำร้องขอใช้สิทธิใดๆ ข้างต้นอาจถูกจำกัดโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอาจมีบางกรณีที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการได้ตามคำขอของท่านโดยสมควรและโดยชอบ เช่น กรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้สิทธิในการปฏิเสธคำขอดังกล่าว
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางบริษัทจะได้ประกาศและแสดงลงบนเว็ปไซต์ของบริษัทหรือด้วยวิธีการอื่นใดที่เหมาะสม
หากท่านมีข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือหากท่านประสงค์จะใช้สิทธิตามที่ระบุไว้ในข้อ 11. หรือท่านมีข้อร้องเรียนใดๆ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ที่
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) – เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO)
สถานที่ติดต่อ: 1054 ซอยสุขุมวิท 66/1 แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260
เบอร์โทรศัพท์: 02 856 2000
อีเมล: dpo@jaspal.co.th
ท่านรับทราบและตกลงให้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ อยู่ภายใต้การบังคับและการตีความตามกฎหมายไทยและศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาทใดที่อาจเกิดขึ้น
ประกาศใช้ ณ วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2567
Jaspal Public Company Limited
1054 ซอย สุขุมวิท 66/1
แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง
กรุงเทพฯ 10260