ประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับคู่ค้า
บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน)

เนื่องด้วย บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน)(“บริษัท”) ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้มอบหรือจะได้มอบไว้ให้แก่บริษัท ดังนั้น บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านได้ทราบและเข้าใจถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (เรียกรวมว่า “การประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงสิทธิตามกฎหมายในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ข้อ 1. ขอบเขตของประกาศฉบับนี้

ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ครอบคลุมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้าปัจจุบัน ผู้ที่อาจเป็นคู่ค้าในอนาคต พันธมิตรทางธุรกิจ และซับพลายเออร์ ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา และบุคคลธรรมดาที่ดำเนินการในนามนิติบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ผู้บริหาร กรรมการ ที่ปรึกษา ผู้บริหาร พนักงาน ตัวแทน และบุคคลใดๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับบุคลากรของบริษัท ดังนั้น บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่านได้โปรดอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เพื่อรับทราบและทำความเข้าใจถึงวิธีการ แนวทาง วัตถุประสงค์ที่บริษัทได้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตลอดจนทราบถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และช่องทางการติดต่อของบริษัท

ข้อ 2. คำจำกัดความ

“คู่ค้า” หมายถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท และได้รับการอนุมัติให้มีการทำนิติกรรมสัญญากับบริษัท เช่น คู่สัญญา ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา ผู้ให้เช่า เป็นต้น ทั้งที่เป็นคู่ค้าปัจจุบัน ผู้ที่อาจเป็นคู่ค้าในอนาคต พันธมิตรทางธุรกิจ และให้หมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของนิติบุคคลซึ่งเป็นคู่ค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน ผู้แทน หรือบุคคลธรรมดาอื่นใด และบุคคลที่มีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมระหว่างบริษัทกับนิติบุคคลนั้น เช่น ผู้ประสานงาน ผู้ส่งสินค้า ผู้ตรวจรับสินค้า ผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น รวมทั้งบุคคลที่นิติบุคคลนั้นได้ให้ข้อมูลไว้แก่บริษัทด้วย

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคล ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่

ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป (Personal Data) เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ สัญชาติ วันเดือนปีเกิด ชื่อเล่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขประจำตัวประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประกันสังคม หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี หมายเลขใบอนุญาตขับขี่ หมายเลขบัญชีธนาคาร ที่อยู่อีเมล (email address) ทะเบียนรถยนต์ เป็นต้น

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Personal Data) ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด ซึ่งบริษัทต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ต่อเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามที่กฎหมายอนุญาต

อย่างไรก็ดี ข้อมูลต่อไปนี้ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลสำหรับการติดต่อทางธุรกิจที่ไม่ได้ระบุถึงตัวบุคคล อาทิ ชื่อบริษัท ที่อยู่ของบริษัท เลขทะเบียนนิติบุคคลของบริษัท หมายเลขโทรศัพท์ของที่ทำงาน ที่อยู่อีเมล (email address) ที่ใช้ในการทำงาน ที่อยู่อีเมล (email address) กลุ่มของบริษัท เช่น info@company.co.th ข้อมูลนิรนาม (Anonymous Data) หรือข้อมูลแฝงที่ถูกทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้อีกโดยวิธีการทางเทคนิค (Pseudonymous Data) ข้อมูลผู้ถึงแก่กรรม เป็นต้น

“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ในที่นี้หมายถึง “ท่าน” ในฐานะคู่ค้า

ข้อ 3. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม

บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะได้แจ้งให้ท่านทราบในข้อ 5. และเพื่อให้ท่านรับทราบและเข้าใจถึงรายละเอียดของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม บริษัทจึงขอแจ้งให้ท่านทราบตามรายละเอียด ดังนี้

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล

รายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐาน คำนำหน้านาม, ชื่อ นามสกุล, อายุ, เพศ, รูปถ่าย, วันเดือนปีเกิด, สัญชาติ, หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน, หมายเลขหนังสือเดินทาง, ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน, ลายมือชื่อ
ข้อมูลอื่นๆ 

(1) ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ติดต่อ, เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ, ที่อยู่อีเมล (email address)

(2) ข้อมูลทางการเงินหรือข้อมูลการทำธุรกรรม (Financial Data) เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร, งบการเงิน

(3) ข้อมูลการติดต่อกับบริษัท (Communication Data) เช่น ข้อมูลการบันทึกภาพหรือเสียงเมื่อมีการติดต่อกับบริษัท

(4) ข้อมูลจากการจัดซื้อจัดจ้างก่อนเข้าทำสัญญา

(5) ข้อมูลการศึกษาและการอบรม เช่น ประวัติการศึกษา วุฒิการศึกษา ความเชี่ยวชาญ และผลงานต่างๆ

(6) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่น การบันทึกภาพนิ่ง หรือวิดีโอ

(7) ข้อมูลที่บันทึกภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)

(8) ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียน

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน ข้อมูลสุขภาพ เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง สัดส่วนร่างกาย เป็นต้น

หากท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บริษัท บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่าบริษัทไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิต(ถ้ามี) ที่ปรากฎอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน ดังนั้น บริษัทจึงขอให้ท่านปกปิดข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิต(ถ้ามี) ดังกล่าว และหากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลตามที่บริษัทได้แจ้งขอให้ดำเนินการ ให้ถือว่าท่านยินยอมและอนุญาตให้บริษัทดำเนินการปกปิดข้อมูลนั้นแทนท่าน และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าวมีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ

อนึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านมอบให้แก่บริษัทจะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นความจริง และไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และท่านจะต้องอัปเดตข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้เป็นปัจจุบัน โดยแจ้งให้บริษัททราบเกี่ยวกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่างๆ ผ่านช่องทางการติดต่อที่บริษัทระบุไว้ในข้อ 13. ของประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

ข้อ 4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทดำเนินการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และข้อมูลที่มีความอ่อนไหว ผ่านกระบวนการ ดังนี้

4.1 ข้อมูลที่ท่านให้กับบริษัทโดยตรง

เช่น ข้อมูลที่ปรากฏในขั้นตอนการขึ้นทะเบียนคู่ค้ารายใหม่ ขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างที่ดำเนินการก่อนการเข้าทำสัญญา การกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม การทำแบบสอบถามหรือขั้นตอนการยื่นข้อเรียกร้องหรือคำร้องขอใช้สิทธิต่างๆ การสมัครลงทะเบียนสร้างบัญชีการใช้งานหรือโปรไฟล์กับบริษัทเพื่อใช้ติดต่อกับบริษัททั้งทางช่องทางออฟไลน์และช่องทางออนไลน์ เป็นต้น

4.2 ข้อมูลที่บริษัทจัดเก็บอัตโนมัติ

เมื่อท่านเข้าใช้บริการผ่านระบบของบริษัท หรือเข้าชมเว็บไซต์ของบริษัทผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป เป็นต้น ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า “คุกกี้” หรือ เทคโนโลยีอื่นที่มีลักษณะการทำงานเหมือนหรือคล้ายกัน

4.3 ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก หรือข้อมูลสาธารณะที่เชื่อถือได้

เช่น กรมการปกครอง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แหล่งข้อมูลเชิงพาณิชย์ เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน แหล่งข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการข้อมูล (Data Providers) หน่วยงานหรือบริษัทหรือสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการทำนิติกรรมสัญญา และ/หรือ การประกอบกิจการของคู่ค้า เป็นต้น

4.4 ข้อมูลที่ท่านติดต่อกับบริษัท

ข้อมูลที่ท่านติดต่อกับบริษัท พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน คู่ค้าหรือพันธมิตรของบริษัท ผู้รับมอบอำนาจหรือผู้กระทำการแทน หรือบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมายจากบริษัทผ่านทางช่องทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน สื่อสังคมออนไลน์ โทรศัพท์ อีเมล การประชุม การสัมภาษณ์ หรือโดยวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ บริษัทอาจเก็บข้อมูลในรูปข้อความ ตลอดจนภาพและเสียง

ข้อ 5. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยมีวัตถุประสงค์ภายใต้ฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูล และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวมตามที่ระบุไว้ในข้อ 3. ตามรายละเอียดต่อไปนี้

วัตถุประสงค์ในการดำเนินการ

ฐานทางกฎหมาย

1. เพื่อการดำเนินการตามกระบวนการของบริษัทก่อนเข้าทำสัญญา ได้แก่

(1) พิจารณาคุณสมบัติของท่านก่อนขึ้นทะเบียนการเป็นคู่ค้ากับบริษัท

(2) การขึ้นทะเบียนคู่ค้ารายใหม่

(3) การจัดเตรียมข้อมูลก่อนเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามรูปแบบของบริษัท ได้แก่ การจัดซื้อจัดจ้างแบบตกลงราคา (Preferred vendor), การจัดซื้อจัดจ้างแบบเปรียบเทียบราคา (Compare price) และการจัดซื้อจัดจ้างแบบประกวดราคา (Bidding)

(4) การเชิญเสนอราคา การเสนอราคา การยื่นซองการประกวดราคา ตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัท

(5) การจัดทำสัญญารักษาความลับทางการค้า (Non-Disclosure Agreement) กับท่านก่อนนำส่งข้อมูลของบริษัทให้ท่านเพื่อนำไปพิจารณาและประกอบการจัดทำรายละเอียด เงื่อนไข ข้อกำหนด ราคา ให้สอดคล้องกับการจัดซื้อจัดจ้างที่บริษัทได้กำหนดไว้

- การปฎิบัติตามสัญญา (Contractual Basis)

- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

2. เพื่อการทำสัญญาและลงนามในสัญญาทางการค้าระหว่างคู่ค้ากับบริษัทภายหลังจากท่านได้รับคัดเลือก

- การปฎิบัติตามสัญญา (Contractual Basis)

3. เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาทางการค้า เช่น สัญญาว่าจ้าง สัญญาบริการ สัญญาเช่า สัญญาซื้อขาย สัญญาทางการค้าอื่นๆ และข้อตกลงที่เกี่ยวข้องระหว่างท่านกับบริษัท และเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติงาน การตรวจรับงานตามสัญญา

- การปฎิบัติตามสัญญา (Contractual Basis)

- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

4. เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามข้อผูกพันทางกฎหมายและข้อเรียกร้องการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงการรายงานข้อมูลต่อหน่วยงานราชการตามที่กฎหมายกำหนด

- การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation)

- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

5. เพื่อจัดทำระบบสารสนเทศในการจัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูล และเป็นฐานข้อมูลของบริษัทสำหรับพิจารณาเลือกคู่ค้า และ/หรือเลือกจ้างสำหรับโครงการอื่นๆ ในอนาคต - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)
6. เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของบริษัท ได้แก่ การแลกบัตรที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านก่อนเข้าพื้นที่สำนักงาน/สาขา/พื้นที่ทำงาน พื้นที่เช่าหรือพื้นที่ให้บริการ รวมถึงการบันทึกภาพภายในพื้นที่ของบริษัทด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) หรือวิธีการอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)
7. เพื่อดำเนินการวางแผน การจัดทำรายงาน และการคาดการณ์ทางธุรกิจของบริษัท - ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)
8. เพื่อการบริหารจัดการด้านสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยจากการทำงานในระหว่างที่ท่านทำงานกับบริษัท

- การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation)

- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)

ข้อ 6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับหน่วยงานต่างๆ ภายในบริษัทและบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก ดังนี้

6.1 ภายในบริษัท

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับหน่วยงานต่างๆ ภายในบริษัทเฉพาะที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทหน้าที่เท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์เท่านั้น โดยบุคคลหรือทีมงานเหล่านี้ของบริษัท จะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามความจำเป็นและเหมาะสม

  • พนักงานฝ่ายจัดซื้อจัดจ้าง หรือพนักงานฝ่าย/แผนกอื่นๆ เฉพาะที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลตามบทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบ
  • ผู้บริหารที่มีความรับผิดชอบในการบริหารหรือตัดสินใจเกี่ยวกับท่าน หรือเมื่อต้องเกี่ยวข้องกับขั้นตอนทางด้านงานจัดซื้อจัดจ้าง
  • ฝ่ายหรือทีมสนับสนุนต่างๆ เช่น ฝ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ, ฝ่ายธุรการ, ฝ่ายบัญชี, ฝ่ายขาย, ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์, ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เป็นต้น

6.2 ภายนอกบริษัท

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจมีการเปิดเผยหรือนำส่งให้กับองค์กรภายนอก ดังนี้

6.2.1 หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด เช่น กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการส่งออก กรมศุลกากร กรมทรัพย์สินทางปัญญา รัฐบาล ศาล กรมบังคับคดี หรือหน่วยงานอื่นใดที่อาศัยอำนาจตามกฎหมาย

6.2.2 องค์กรหรือบุคคลภายนอก บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลของท่าน ให้กับองค์กรหรือบุคคลภายนอกที่มีการติดต่อสอบถามเพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบการทำธุรกรรมต่างๆ ของท่าน และเพื่อที่จะได้ให้บริการหรือจัดหาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของท่าน

ข้อ 7. การขอความยินยอมและผลกระทบที่เป็นไปได้จากการถอนความยินยอม

7.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยฐานความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของท่านที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว

7.2 หากท่านเป็นผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก่อนการให้ความยินยอมโปรดแจ้งรายละเอียดผู้ใช้อำนาจปกครองให้บริษัททราบ เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองด้วย

ท่านอาจเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งหมดหรือบางส่วนของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ ตามที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยแจ้งให้บริษัททราบ

หากท่านเพิกถอนความยินยอมการที่ท่านยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจส่งผลให้ท่านเสียประโยชน์ในการใช้บริการของบริษัทในระดับเดียวกับกรณีที่ท่านให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อบริษัท

ข้อ 8. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

8.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศในกรณีที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญา หรือเป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือเป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

8.2 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือคลาวด์ (Cloud) ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และบริษัทจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม

8.3 กรณีที่มีเหตุจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองและท่านสามารถใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงบริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ

ข้อ 9. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

9.1 บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความจำเป็นและวัตถุประสงค์ที่บริษัทจะต้องเก็บรวบรวม ใช้และประมวลผล ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายที่ใช้บังคับ

หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัทยังมีความสัมพันธ์กับท่านในฐานะที่ท่านเป็นผู้ขึ้นทะเบียนเข้าเป็นคู่ค้า คู่ค้า กรรมการ ผู้แทน ผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้ปฏิบัติงานในนามของบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลผู้ขึ้นทะเบียนเข้าเป็นคู่ค้าหรือผู้เป็นคู่ค้าของบริษัท และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของบริษัท

9.2 บริษัทจะยังดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป แม้ว่าท่านจะยุติความสัมพันธ์กับบริษัท เท่าที่จำเป็นตามข้อกำหนดของกฎหมายเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือทำการเก็บในรูปแบบที่ทำให้ระบุตัวบุคคลไม่ได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น การทำข้อมูลนิรนาม หรือ การทำข้อมูลแฝงที่ถูกทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้อีกโดยวิธีการทางเทคนิค

9.3 บริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานเท่าที่จำเป็นต้องเก็บเพื่อการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ท่านยุติความสัมพันธ์ หรือการติดต่อครั้งสุดท้ายกับบริษัท โดยบริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนานกว่าที่กำหนดหากกฎหมายอนุญาต

9.4 เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาและอายุความที่เกี่ยวข้อง บริษัทจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในรูปแบบที่เหมาะสมตามประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปแม้จะพ้นอายุความตามกฎหมายแล้ว ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

9.5 บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้ไม่สามารถระบุชื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้เป็นการถาวร หรือโดยประการอื่นเพื่อจำกัดข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือเมื่อบริษัทต้องปฏิบัติตามคำขอของท่านให้บริษัททำการลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ข้อ 10. บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

บริษัทจัดให้มีมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ และบริษัทจะทบทวนมาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็น หรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม

ข้อ 11. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีที่บริษัทได้มีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้ ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

11.1 สิทธิในการขอเพิกถอนความยินยอม (Right to Withdrew Consent)

ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่

ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณางาน สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ท่านพึงได้รับจากบริษัท หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่านจึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม

11.2 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Access)

ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองของบริษัท

ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธคำขอของท่านหากการเข้าถึง และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะส่งผลกระทบต่อสิทธิ และเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือบริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาลที่ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

11.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (Data Portability Right)

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด

11.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object)

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี

11.5 สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล (Erasure Right)

ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว

11.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing)

ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน

11.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (Right to Rectification)

ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

11.8 สิทธิในการร้องเรียน (Right to Lodge a Complaint)

ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

หากท่านมีความกังวลหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของบริษัท เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัท โดยใช้รายละเอียดการติดต่อตามข้อ 13. ของประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบริษัท ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบและวิธีการตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

ทั้งนี้ กรณีที่ท่านมีความประสงค์จะใช้สิทธิตามที่กล่าวข้างต้น ท่านจะต้องติดต่อมายังบริษัทตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในข้อ 13. ของประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยทำคำขอเป็นลายลักษณ์อักษร และบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำขอของท่านโดยไม่ชักช้า หรือภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ คำร้องขอใช้สิทธิใดๆ ข้างต้นอาจถูกจำกัดโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอาจมีบางกรณีที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการได้ตามคำขอของท่านโดยสมควรและโดยชอบ เช่น กรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้สิทธิในการปฏิเสธคำขอดังกล่าว

ข้อ 12. การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว

บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางบริษัทจะได้ประกาศและแสดงลงบนเว็ปไซต์ของบริษัทหรือด้วยวิธีการอื่นใดที่เหมาะสม

ข้อ 13. ช่องทางการติดต่อบริษัท

หากท่านมีข้อสงสัยที่เกี่ยวข้องกับประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หรือหากท่านประสงค์จะใช้สิทธิตามที่ระบุไว้ในข้อ 11. หรือท่านมีข้อร้องเรียนใดๆ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ที่

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)

บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) – เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO)

สถานที่ติดต่อ: 1054 ซอยสุขุมวิท 66/1 แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

เบอร์โทรศัพท์: 02 856 2000

อีเมล: dpo@jaspal.co.th

ข้อ 14. กฎหมายที่ใช้บังคับ

ท่านรับทราบและตกลงให้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ อยู่ภายใต้การบังคับและการตีความตามกฎหมายไทยและศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาทใดที่อาจเกิดขึ้น

ประกาศใช้ ณ วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2567